พระเมรุมาศ พระเมรุและเมรุ ของ พระเมรุมาศ

ฐานานุศักดิ์สูงสุดคือ "พระเมรุมาศ" ใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพสำหรับการตายที่ใช้ราชาศัพท์ว่าสวรรคต เช่น พระมหากษัตริย์ พระบรมราชินี พระราชชนนี พระบวรราชเจ้า (อุปราชวังหน้า) พระบรมโอรสาธิราช เป็นต้น [31] พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ มีฐานานุศักดิ์สูงต่ำดังนี้[32]

พระเมรุมาศ

  • พระเมรุมาศ เป็นพระเมรุขนาดสูงใหญ่ ใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพ พระมหากษัตริย์ พระอัครมเหสี พระบรมราชินี พระราชชนนี พระบวรราชเจ้า พระยุพราช สำหรับการตายที่ใช้ราชาศัพท์ว่าสวรรคต ภายในพระเมรุมาศมี “พระเมรุทอง” ลักษณะของพระเมรุมาศที่ปรากฏการสร้างมี 2 รูปแบบคือพระเมรุมาศทรงปราสาท ที่สร้างมาแต่โบราณ มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และพระเมรุมาศทรงบุษบก ที่เริ่มใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงดำริว่าการพระราชพิธีพระบรมศพอย่างโบราณสิ้นเปลืองแรง พระราชทรัพย์ และได้ใช้รูปแบบของพระเมรุมาศทรงบุษบกต่อมาโดยตลอด แต่พระเมรุมาศของพระอัครมเหสียังคงใช้เป็นพระเมรุมาศทรงปราสาทโดยรวมของพระเมรุมาศจะปิดด้วยกระดาษทองทั้งหลัง มีสีแล่งอยู่เพื่อให้เห็นลายเท่านั้น
    • พระเมรุมาศทรงปราสาท มีรูปแบบมาตั้งแต่สมัยอยุธยาใช้สืบต่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ระหว่างรัชกาลที่ 1-4 มีลักษณะเดียวกับปราสาท สร้างเรือนบุษบกบัลลังก์ที่เรียกว่าพระเมรุทอง ซ้อนอยู่ภายใน โดยประดิษฐานพระเบญจาจิตกาธานรองรับพระโกศพระบรมศพ สร้างปิดทองล่องชาด พระเมรุมาศทรงปราสาทมี 2 ลักษณะคือ
    • พระเมรุมาศทรงบุษบก เป็นของพระมหากษัตริย์เริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างบนพื้นราบดัดแปลงอาคารปราสาทเป็นเรือนบุษบกบัลลังก์ หรือคือการขยายมาจากพระเมรุทองในปราสาทให้ใหญ่ขึ้น และตั้งเบญจาจิตกาธานรับพระโกศพระบรมศพ สะดวกกับการถวายพระเพลิง พระเมรุมาศทรงบุษบกองค์แรกใช้ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยังถือเป็นแบบพระเมรุมาศเฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น[33]
  • พระเมรุทอง คือเมรุทำด้วยทอง ปิดทอง กระดาษทอง หรือทองน้ำตะโก สร้างเป็นอาคารเรือนยอด ทรงบุษบกหรือทรงมณฑป มีความสูงประมาณ 20 เมตร ตั้งอยู่ภายในพระเมรุมาศ โดยใช้เป็นที่ตั้งพระเบญจาทองคำรองรับพระบรมโกศ พระโกศ ภายใต้พระเศวตฉัตร มีปรากฏใช้ครั้งสุดท้ายในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[34]

อนึ่ง ในปัจจุบันรูปแบบการจัดสร้างพระเมรุมาศ ที่ปิดกระดาษทองทั้งองค์นี้ได้อนุโลมให้ใช้สร้างพระเมรุของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นเจ้าฟ้า ที่ออกพระเมรุกลางเมืองได้ แต่ยังคงออกเรียกว่า พระเมรุ ตามพระอิสริยยศ เช่น พระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

พระเมรุ

  • พระเมรุ มีลักษณะเช่นเดียวกับพระเมรุมาศ แต่มีขนาดเล็กลง และไม่มีพระเมรุทองภายใน ใช้สำหรับราชวงศ์ที่ทรงฐานานุศักดิ์ใช้ราชาศัพท์ว่า “ทิวงคต” หรือ “สิ้นพระชนม์” พระเมรุโดยรวมจะใช้สีในการตกแต่ง มีการปิดกระดาษทองเพียงบางส่วนของพระเมรุ แต่พระเมรุเจ้าฟ้าในปัจจุบันอนุโลมให้สร้างตามแบบพระเมรุมาศ กล่าวคือ ปิดกระดาษทองเป็นส่วนใหญ่

เมรุ

เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ใช้เป็นพระเมรุสำหรับพระบรมวงศ์ที่มีเกียรติยศรองลงมาจากชั้นเจ้าฟ้า พระอนุวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนถึงเป็นเมรุสำหรับศพสามัญชนผู้มีเกียรติยศถึงชั้นได้รับพระราชทานโกศในปัจจุบัน

ส่วนเมรุ อันเป็นองค์ประกอบของพระเมรุ คือ เมรุทิศ ที่เป็นเมรุประจำ 4 ทิศ หรือ 8 ทิศ ทำรอบพระเมรุมาศ 4 ทิศ หากเป็น 8 ทิศ จะสร้างระหว่างเมรุทิศทั้ง 4 ซึ่งเมรุกลางที่อยู่ระหว่างเมรุทิศจะเรียกว่า เมรุประตู ไปโดยปริยาย หรือเมรุที่แทรกระหว่างเมรุทิศ จะเรียกว่า เมรุแทรก ซึ่งอาจเรียกเมรุประตูว่า เมรุแทรกก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดความมโหฬารของงานพระราชพิธี ส่วนเมรุแทรกที่เรียงรายกันไป แทรกระหว่างเมรุทิศ จะเรียกว่า เมรุราย และเมรุพระบุพโพ ใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระบุพโพ (น้ำเหลือง)

นอกจากนี้คำเรียกของเมรุอย่างอื่น อย่าง เมรุน้อย คือคำเรียกเมรุขนาดเล็ก และเมรุมณฑป เป็นคำเรียกลักษณะเมรุที่มีสถาปัตยกรรมเป็นทรงมณฑป ส่วนคำสามัญทางการช่าง เมรุที่ดาดสีเขียว เหลือง แดง รองพื้นแล้วปิดกระดาษสีทอง ฉลุลวดลายทับ จะเรียกว่า เมรุสี หรือ เมรุแผง

ส่วนเมรุอื่นที่เคยใช้เป็นพระเมรุ อย่างเช่น เมรุปูน เริ่มสร้างครั้งแรกที่วัดสุวรรณาราม ในรัชกาลที่ 1 เพื่อเป็นปฐมงานพระศพชั้นเจ้าฟ้าและพระศพ รวมถึงศพผู้มีบรรดาศักดิ์ มีศักดิ์ศรีเทียบเท่าพระเมรุท้องสนามหลวง (ปัจจุบันไม่เหลือซากให้เห็น) ต่อมาใช้จัดพระราชทานเพลิงศพมากมาย และยังมีเมรุขาว หรือเมรุผ้าขาว มีลักษณะการดาดผ้าขาวให้มีลักษณะเป็นเหมือนอาคารก่ออิฐ ยังมีเมรุขาวที่มีเครื่องยอดเช่น พระเมรุผ้าขาวสมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นต้น[32]

แหล่งที่มา

WikiPedia: พระเมรุมาศ http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t... http://cons-mag.com/index.php?option=com_content&t... http://www.posttoday.com/galyani/pramerumas.html http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetail.asp?st... http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=News... http://www.sookjai.com/index.php?topic=32814.0 http://www.tpschamnong.iirt.net/article/basa_5nt03... http://www.oknation.net/blog/print.php?id=192207 http://www.oknation.net/blog/winsstars/2012/04/25/... http://www.phrameru.net/accessory_02.html